Header Ads

นั่งนานๆ ทำยังไงดี





การนั่งทำงานหน้าคอมนานๆ ยังเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอยู่ดี ดังนั้นใครที่ต้องนั่งทำงานหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ทุกวัน หากไม่อยากป่วยเป็นโรคต่างๆ ควรทำตามเคล็ดลับหมอตี้ วันนี้จะเล่าให้ฟัง 

นั่งนานเกินไป 
ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเฉลี่ยร้อยละ 60 จะนั่งอยู่กับที่เฉยๆและนานกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน กลุ่มนักวิจัยได้เปรียบเทียบระหว่างผู้เข้าร่วมที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์หรือหน้าจออื่นๆไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมงกับผู้ที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ปรากฏว่าผู้ที่นั่งมากกว่า 4 ชั่วโมงมีโอกาสเสียชีวิตมากถึงร้อยละ 50 (ไม่ว่าสาเหตุใดก็ตาม) มากกว่าผู้เข้าร่วมในกลุ่มแรก แถมโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจก็เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 125

มีอาการเรื้อรังตามมา
นอกจากอาการปวดกล้ามเนื้อหลังแล้วการนั่งทั้งวันยังมีส่วนเกี่ยวโยงกับโรคหัวใจและโรคเบาหวาน ยิ่งนั่งนานก็ยิ่งทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยลงเนื่องจากกล้ามเนื้อของเราไม่ได้ทำงาน หัวใจไม่ได้สูบฉีดเร็วและแรง ด้วยเหตุนี้กรดไขมันจึงสะสมและอุดตันหัวใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ในความเป็นจริงผู้ที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวหรือนั่งเกือบตลอดทั้งวันมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่เคลื่อนไหวเป็นประจำถึงสองเท่า นอกจากนี้การนั่งมากเกินไปยังทำให้อัตราการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นด้วย

เบลอทั้งวัน
การนั่งมากเกินไปยังส่งผลต่อสมองของเรา เมื่อกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวหัวใจก็จะสูบฉีดเลือดที่มีออกซิเจนสูงไปยังสมอง ในทางกลับกันการนั่งนานๆจะชะลอการทำงานทุกอย่างในร่างกายรวมถึงการทำงานของสมองด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับความรู้สึกซึมเศร้าและเพิ่มความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อม

หมอตี้ แนะนำ

ระหว่างที่นั่งปั่นงานอยู่ ลองตั้งเวลาให้ลุกขึ้นเดินไปเดินมาในบ้านทุกๆ ชั่วโมงดู อาจจะเดินเข้าห้องน้ำ กดน้ำมาดื่ม ชงชา กาแฟ  การเดินบ่อยๆ จะเผาผลาญพลังงานได้ด้วยป้องกันโรคอ้วน

ดื่มน้ำมากขึ้น
ใครที่รู้ตัวว่าอยู่ในห้องทำงานตลอดเวลา แทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหน อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันด้วย หาเวลาจิบน้ำๆ ทุกๆ ชั่วโมง จะตั้งขวดลิตรเอาไว้บนโต๊ะ แล้วพยายามดื่มน้ำให้หมดภายใน 1 วันก็ได้ แล้วสังเกตสีปัสสาวะของตัวเองด้วย หากสีปัสสาวะยังเป็นสีเหลืองเข้มอยู่ แสดงว่ายังดื่มน้ำไม่เพียงพอ ต้องดื่มน้ำเพิ่ม และตัวเลือกที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำเปล่า หากเบื่อหรือขี้ลืมจริงๆ จะฝานผลไม้ที่เพิ่มความสดชื่นอย่างมะนาวลงไปในน้ำเปล่าด้วยก็ได้ (แต่หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงด้วย)กลัวจะเป็นโรคเบาหวานกันก่อน

หมอตี้มีท่าบริหารมาฝาก
ท่าบริหารต้นคอ

เริ่มจากนำมือข้างซ้ายอ้อมไปจับศีรษะด้านขวา ดึงมาทางด้านซ้ายจนรู้สึกตึง นับ 1-10 สลับใช้มือข้างขวาอ้อมจับศีรษะด้านซ้ายทำเช่นเดียวกัน นับ 1-10 จากนั้นประสานมือบริเวณท้ายทอย ดันไปด้านหน้าจนรู้สึกตึง นับ 1-10

ท่าบริหารกล้ามเนื้อหัวไหล่

ยกไหล่ขึ้นไปจนสุด แล้วเกร็งค้างไว้ นับ 1-10 จากนั้นกดไหล่ลงไปให้สุด แล้วเกร็งค้างไว้ นับ 1-10 ท่านี้สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการปวดไหล่เป็นประจำ

ท่าบริหารผ่อนคลายกล้ามเนื้อแขน

ท่าที่ 1 เพื่อยืดแขน โดยประสานมือ จากนั้นจึงเหยียดขึ้นไปเหนือหัวเราจนสุดแขน การทำแบบนี้จะทำให้กล้ามเนื้อแขนได้ยืดออก แล้วให้เงยหน้ามองขึ้นด้านบน เพื่อเปลี่ยนท่าทางของช่วงคอ ค้างท่านี้ไว้นับ 1-10 แล้วจึงค่อยเอาลง

ท่าที่ 2 เพื่อคลายความเมื่อล้าของกล้ามเนื้อแขน ใช้มือซ้ายจับฝ่ามือขวา จากนั้นเหยียดแขนทั้งสองไปข้างหน้า แล้วจึงดัดข้อมือขวาเข้าหาตัว จนรู้สึกว่าตึงบริเวณด้านในข้อศอกขวา ทำค้างไว้นับ 1-10 แล้วจึงเปลี่ยนข้าง

ท่าบริหารนิ้ว และฝ่ามือ

เป็นท่าที่ช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าที่นิ้ว และฝ่ามือ กำมือทั้ง 2 ข้างให้แน่นที่สุด แล้วกำมือค้างไว้นับ 1-5 จากนั้นจึงค่อยๆคลายออกช้าๆ เหยียดนิ้วและกางนิ้วมือออกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วค้างไว้นับ 1-5 แล้วจึงกลับมาอยู่ท่าเดิม ทำแบบนี้เรื่อยๆ ประมาณ 2 – 3 รอบ

ท่าบริหารกล้ามเนื้อด้านหน้าอก และแก้ปัญหาไหล่ห่อ

ท่าที่ 1 ให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นนำมือประสานกันด้านหลัง ค่อยๆ ยกขึ้นมาจนถึงระดับที่เรารู้สึกว่าตึง นับ 1-10

ท่าที่ 2 เป็นการยืดด้านหลัง โดยการกอดตัวเองให้แน่นที่สุด ให้มือไขว้กันเยอะที่สุด โดยเอามือโอบด้านหลังของตัวเองให้มากที่สุด นับ 1-10

ท่าบริหารหลัง

ยืนตัวตรง ยกแขนทั้งสองข้างเหนือศีรษะ ประสานมือเอาไว้ แล้วค่อยๆ เอนตัวไปด้านหลังจนรู้สึกตึงแล้วนับ 1-10

ท่าบริหารบริเวณช่วงสะโพก

ท่านี้จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณสะโพก ซึ่งมักจะไปกดทับเส้นประสาททำให้รู้สึกมีปัญหา ปวดบริเวณสะโพก ชาลงขา และเท้า ทำโดยยกเท้าซ้ายขึ้นมาวางทับเหนือเข่าขวา จากนั้นเอนตัวมาด้านหน้า จะรู้สึกตึงบริเวณต้นขาด้านซ้าย นับ 1-10 จากนั้นสลับเท้าด้านขวาทำเช่นเดียวกัน

ท่าบริหารกล้ามเนื้อด้านข้าง

ยืดมือขึ้นบนสุดประกบกัน จากนั้นเอนตัวทางด้านซ้าย นับ 1 -10 จากนั้นเอนตัวมาด้านขวา นับ 1-10

ท่าบริหารขา เหมาะสำหรับผู้ที่ยืนนานๆ หรือใส่รองเท้าส้นสูง ไขว้ขาซ้ายเข้ากับขาขวา จากนั้นค่อยๆ ก้ม เอามือไปแตะหน้าขา นับ 1-10
ลองทำดูแล้วจะมีความสุขกับการทำงานที่บ้าน 

เขียนโดย แพทย์จีน ดร เยาวเกียรติ เยาวพันธุ์กุล

ดูแลสุขภาพก่อนจะเป็นโรค
แนะนำแอ๊ดไลน์ติดตามสาระดีดี ส่งตรงถือมือคุณเลย
หรือ
นัดเข้ารักษาหรือให้คำปรึกษาสุขภาพกับหมอจีนได้ที่ไลน์นะครับ 
line @dr_tee 👉🏻  
คลิ๊ก >>> https://goo.gl/X8j3e7
C

ติดตาม เพจfacebook หมอตี้ได้ที่  ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม
https://bit.ly/2xptZMh

ประจำ เจินฟู่คลินิกการแพทย์แผนจีน 
เปิดทุกวันอังคาร พฤหัส เสาร์ อาทิตย์ เวลา 18.00-21.00 (เข้ามาตรวจหรือรักษา แนะนำนัดก่อนทุกครั้ง)
เพจ>> https://bit.ly/2Q2qdPd

Google map โลเคชั่น
เจิน ฟู่ คลินิก แพทย์แผนจีน
เลขที่ 173   ถนนโชคชัย4 ซอย18 หมู่บ้านโอษธิศ3 แยก10 เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 
https://g.co/kgs/vqqe1v

ติดตามอ่าน คลังบทความเกี่ยวกับแพทย์จีนได้ ที่ 
🎉 http://www.dr-tee.com

✅instargram : yaowakiat

✅ช่องยูทูป : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม 
https://bit.ly/2Q12MFX

✅กลุ่มFacebook สุขภาพดี สไตล์หมอจีน
https://bit.ly/2PZGVyK

https://www.facebook.com/groups/1412208708920279/?ref=share

✅กลุ่ม Line :แบ่งปันความรู้>>"แบ่งปันความรู้สุขภาพ >>หมอตี้" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
https://bit.ly/2Q0WhTw

#หมอตี้ #รักษาไต #ไตวาย #ไตเสื่อม  #สมุนไพรจีน #ยาจีน #หมอแมะ #ฝังเข็ม #ฝังเข็มรักษาโรค  #ไตพร่อง #ไตอ่อนแอ #หมอจีนรักษาไต #โรคต่อมลูกหมากโต #โรคภูมิแพ้ #ฉี่ค้าง #ฉี่กระปิดกระปอย #ฉี่ไม่สุด #นอนไม่หลับ  #เบาหวาน  #ปวดหัว #เวียนหัว  #เหนื่อยง่าย #อ่อนเพลีย #บำรุงร่างกาย #แพทย์ทางเลือก #แพทย์จีน #หมอจีน #เจินฟู่คลินิกการแพทย์จีนแผน #โชคชัย4  #คนขี้หนาว #คนขี้ร้อน #การ์ตูนหมอจีน





No comments

Powered by Blogger.